การเลือกเครื่องมือช่างที่ใช้แบตเตอรี่ หรือเรียกง่ายๆว่า เครื่องมือช่างไร้สายนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้มักถูกนำมาใช้ในงานต่าง ๆ ที่ต้องการความสะดวกและพกพาได้ง่าย และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือคุณสมบัติของแบตเตอรี่ ซึ่งจะรวมถึงแรงดันไฟฟ้า (V) และความจุ (mAh) วันนี้เรามาดูกันว่าเครื่องมือช่างไร้สาย เลือกอย่างไร ก่อนอื่นต้องดูที่
1. แรงดันไฟฟ้า (V)
แรงดันไฟฟ้า (Voltage หรือ V) เป็นตัวชี้วัดพลังงานที่เครื่องมือจะใช้ในการทำงาน แรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้นหมายถึงพลังงานที่มากขึ้นและสามารถขับเคลื่อนมอเตอร์หรือระบบต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงมักจะมีพลังงานมากกว่า เช่น:
- 12V : เหมาะสำหรับงานเบา เช่น การขันสกรู หรือเจาะไม้
- 18V : ใช้สำหรับงานหนักขึ้น เช่น เจาะเหล็ก หรืองานก่อสร้างทั่วไป
- 20V ขึ้นไป : สำหรับงานที่ต้องการพลังงานมาก เช่น เครื่องมือหนักหรือการใช้งานต่อเนื่อง
ควรเลือกเครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้าเหมาะสมกับประเภทงานที่ต้องการทำ
2. ความจุ (mAh)
ความจุ (milliampere-hour หรือ mAh) เป็นการวัดปริมาณพลังงานที่แบตเตอรี่สามารถเก็บได้ ยิ่ง mAh สูง ยิ่งหมายถึงแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้นก่อนที่จะต้องชาร์จใหม่ เช่น:
- 1,200 mAh : เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต่อเนื่อง เช่น งานบ้านเล็กน้อย
- 2,000 mAh ถึง 3,000 mAh : ใช้ได้ดีสำหรับงานที่ต้องการพลังงานตลอดวัน
- 4,000 mAh ขึ้นไป : เหมาะสำหรับงานหนักที่ต้องการการทำงานต่อเนื่อง
การเลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงจะช่วยให้คุณไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ ทำให้ทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น และหมั่นดูแลรักษาแบตอย่างถูกต้องเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และเครื่องมือช่างไร้สายของเราด้วย
3. การเลือกเครื่องมือช่าง
เมื่อคุณเลือกเครื่องมือช่างที่ใช้แบตเตอรี่ ควรพิจารณาความต้องการของตัวเอง รวมถึง:
- ประเภทงานที่ทำ : หากคุณต้องทำงานหนัก ควรเลือกเครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้าและความจุสูง
- ระยะเวลาในการทำงาน : หากคุณต้องการใช้เครื่องมือในการทำงานต่อเนื่อง ควรเลือกเครื่องมือที่มี mAh สูง
- แบตเตอรี่ที่ใช้ร่วมกันได้ : หลายแบรนด์มีระบบแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ในเครื่องมือหลายประเภท ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อแบตเตอรี่เพิ่มเติม
เมื่อเลือกได้แล้ว ควรดูในเรื่องของความเข้ากันของ แรงดันไฟฟ้า และความจุของแบตเตอรี่ด้วย โดยเครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงและความจุสูงจะทำงานได้ดีกว่า เช่น เครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้า 20V และความจุ 2-3,000 mAh จะสามารถทำงานหนักได้ต่อเนื่องนานกว่าเครื่องมือที่มีแรงดันไฟฟ้า 12V และความจุ 1,500 mAh
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุสูงกับ เครื่องมือช่างมอเตอร์ขนาดที่ต่ำกว่าจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็ว
สรุป
การเลือกเครื่องมือช่างที่เป็นแบตเตอรี่ควรคำนึงถึงแรงดันไฟฟ้า (V) และความจุ (mAh) เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทงานที่ต้องการทำ การเลือกเครื่องมือที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาการชาร์จแบตเตอรี่บ่อยครั้ง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว